รูเล็ต (Roulette)

รูเล็ต (Roulette) เป็นเกมการพนันชนิดหนึ่งที่มีประวัติยาวนานกว่า 300 ปี เกมนี้ได้รับความชื่นชอบอย่างมากในคาสิโนทั่วโลก ทั้งยังเป็นที่สนใจของใครหลาย ๆ คนในหมู่ผู้เล่นชาวไทยอีกด้วย

รูเล็ตเป็นเกมที่เล่นง่าย เพียงแค่วางเดิมพันว่าลูกบอลจะตกลงในช่องใดช่องหนึ่งบนวงล้อ ซึ่งเลือกวางเดิมพันได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งตัวเลขเดี่ยว ช่วงตัวเลข สี เลขคู่เลขคี่ เป็นต้น

อัตราต่อรองนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละรูปแบบ โดยทั่วไปแล้ว การแทงตัวเลขเดี่ยวจะจ่ายอัตราต่อรองสูงสุด 35:1 หมายความว่า หากผู้เล่นวางเงิน 100 บาท แล้วชนะ ก็จะได้รับเงินรางวัล 3,500 บาท

รูเล็ตเป็นเกมที่มีองค์ประกอบของความตื่นเต้นลุ้นระทึก ที่ให้ผู้เล่นได้ลุ้นว่าลูกบอลจะตกลงในช่องใด แถมยังได้ลุ้นว่าจะชนะหรือไม่ เกมนี้จึงเหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบความท้าทาย

รูเล็ต (Roulette)

แบล็คแจ็ค (Blackjack)

แบล็กแจ็ก (Blackjack) เป็นเกมไพ่ที่มีมาอย่างยาวนาน เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 17 ได้แพร่หลายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว เกมนี้เล่นกันระหว่างผู้เล่นกับเจ้ามือ โดยผู้เล่นจะต้องพยายามทำให้ไพ่ในมือมีมูลค่าใกล้เคียง 21 มากที่สุด และจะต้องไม่เกิน 21

กติกาการเล่น

มีกติกาการเล่นที่ค่อนข้างง่าย คือ ผู้เล่นจะทำการเดิมพันก่อนเริ่มเกม จากนั้นดีลเลอร์จะแจกไพ่ให้ผู้เล่นและตัวเองคนละ 2 ใบ ไพ่ที่หงายขึ้นของดีลเลอร์จะเรียกว่า “ไพ่เปิด” (Up Card) ส่วนไพ่ที่หงายลงของดีลเลอร์จะเรียกว่า “ไพ่ปิด” (Down Card)

เป้าหมายของเกมนี้คือการทำแต้มให้ได้ใกล้เคียงกับ 21 มากที่สุด แต้มสูงสุดคือ 21 แต่ห้ามเกิน 21 มิเช่นนั้นจะถูกเรียกว่า “Bust” แล้วแพ้ทันที

ผู้เล่นจะชนะเกมนี้ได้ในกรณีที่

  • ไพ่ในมือมีมูลค่าเท่ากับ 21
  • ไพ่มือมีมูลค่ามากกว่าเจ้ามือ โดยที่มูลค่าของผู้เล่นไม่เกิน 21
  • เจ้ามือมีมูลค่าเกิน 21

การเล่นแบล็กแจ็กมีกลยุทธ์ต่าง ๆ มากมายที่ผู้เล่นใช้เพื่อคว้าชัยชนะได้ กลยุทธ์พื้นฐานที่คุณควรรู้ ได้แก่

  • ถ้าผู้เล่นมีแต้มรวม 11 หรือน้อยกว่า ควรจั่วไพ่เพิ่ม
  • ถ้าผู้เล่นมีแต้มรวม 17 หรือมากกว่า ควรยืน
  • ถ้าผู้เล่นมีแต้มรวม 12-16 ควรพิจารณาว่าจะจั่วไพ่เพิ่มหรือไม่

นอกจากกติกาการเล่นที่ง่ายแล้ว แบล็กแจ็กยังเป็นเกมที่มีเทคนิคการเล่นมากมายที่จะช่วยให้ผู้เล่นเพิ่มโอกาสในการชนะได้ เทคนิคการเล่นที่สำคัญ ได้แก่

  • รู้จักไพ่แต่ละใบ ไพ่ A มีค่าเท่ากับ 1 หรือ 11 ไพ่ 2-10 มีค่าเท่ากับหน้าไพ่ ส่วนไพ่ J, Q, K มีค่าเท่ากับ 10
  • รู้จักกฎเกณฑ์การจั่ว ผู้เล่นจะจั่วเพิ่มได้หากแต้มรวมของไพ่ 2 ใบแรกน้อยกว่า 21
  • รู้จักจังหวะการจั่ว ผู้เล่นควรพิจารณาจังหวะในการจั่วให้ดี หากดีลเลอร์ได้ไพ่เปิดที่มีแต้มสูง ผู้เล่นควรหลีกเลี่ยงการจั่วเพิ่ม

รู้จักสูตรการนับ สูตรการนับไพ่จะช่วยให้ผู้เล่นคาดเดาได้ว่าใบต่อไปที่จะถูกแจกออกมาจะเป็นอย่างไร

แบล็คแจ็ค (Blackjack)
กติกาการเล่นแบล็คแจ๊ก